Wednesday, November 12, 2008

นูสกินคืออะไร มีที่มาที่ไปอย่างไร

สวัสดีค่ะพี่น้องชาวไทยทุกท่านที่ออสเตรเลีย

ก่อนอื่นจีนน์ขอชมเชยทุกคนที่ติดต่อมาหาจีนน์ เพราะเท่าที่เห็นแล้วมีคนอ่านโฆษณามากกว่า 400 คน แต่มีไม่ถึง 20 คนที่ได้ติดต่อจีนน์เข้ามา หลายๆครั้งเราไม่ยอมให้โอกาสตัวเองที่จะเห็นหรือสัมผัสสิ่งใหม่ๆ ซึ่งอาจเป็นเพราะความกลัว ความระแวงหรือความอึดอัดใจ แต่พวกคุณก็ได้ให้โอกาสที่ดีกับตัวเองและจีนน์หวังว่าบล็อคที่จีนน์เขียนขึ้นมานี้จะเป็นจุดเริ่มต้นในการช่วยให้ทุกคนที่ก้าวเข้ามาได้รับความสำเร็จนะคะ ขอให้ทุกท่านอ่านทุกรายระเอียดให้ครบให้เข้าใจด้วยนะคะ ถ้ามีคำถามจดไว้แล้วมาถามจีนน์นะคะ ไม่จดเดี๋ยวลืมนะ

หลังจากที่มีคำถามมากมายว่าบริษัทนูสกินมีที่มาที่ไปอย่างไร บริษัทนี้ต่างกับบริษัทอื่นๆตรงไหน ทำไมผลิตภัณฑ์ของเราเหนือกว่าของบริษัทอื่นๆ และทำไมบริษัทนี้ถึงได้รับการทำนายจากบริษัทธุรกิจชั้นนำทั่วโลกว่าจะเป็นหนึ่งใน 7 บริษัทที่จะไม่ได้รับผลกระทบในขณะที่เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังตกต่ำ

บริษัทนูสกินเริ่มก่อตั้งในปี 1984 ภายใต้สโลแกน "ALL OF THE GOOD, NONE OF THE BAD" รวมแต่สิ่งที่ดี ไม่มีสิ่งที่เป็นโทษ

24ปีที่ผ่านมา ถ้าผลิตภัณฑ์แม้แต่ชิ้นเดียวของบริษัทนี้ไม่ดีเท่าที่ทางบริษัทอ้างไว้ บริษัทอยู่ไม่ถึงวันนี้ มาถึงวันนี้ เราได้ยืนยันให้ผู้คนทั่วโลกได้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ทุกชนิดของเราดีจริงและใช้ได้ผล ซึ่งนำมาสู่สโลแกนใหม่ที่ว่า "The Difference Demonstrated" ความแตกต่างที่ได้รับการพิสูทน์ให้เห็นแล้ว

"ทำไมไม่มีใครทำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีแต่ส่วนผสมที่ดีและมีคุณประโยชน์?" เป็นคำถามที่จุดประกายให้ มร. เบลค โรนีย์ และผู้ก่อตั้ง นู สกิน ท่านอื่นๆ ลงทุนเริ่มต้นด้วยเงินประมาณ 5,000 เหรียญสหรัฐ ในปี พ.ศ.2527 และทำการพัฒนาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณที่ประกอบด้วยส่วนผสมที่ดีเลิศและให้คุณ กับผิวสูงสุด โดยปราศจากสารละลายเคมีที่ไร้ประโยชน์ และนู สกิน ยังคงยึดมั่น ในปรัชญาของผลิตภัณฑ์ที่ว่า "รวมแต่สิ่งที่ดี ไม่มีสิ่งที่เป็นโทษ" จนทุกวันนี้ ปัจจุบัน นู สกิน เอ็นเตอร์ไพรส์ นำเสนอผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณและเส้นผม รวมทั้งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคุณภาพสูงมากกว่า 200 รายการ ด้วยพันธะสัญญาที่จะนำเสนอหลากหลายผลิตภัณฑ์ที่ทัดเทียมการแข่งขันในตลาด ให้กับผู้บริโภคและผู้แทนจำหน่าย และตอบสนองความต้องการ ของตลาดอย่างแท้จริง

ผสมผสานสุดยอดวิทยาศาสตร์และธรรมชาติ
ด้วย การจับมือกันของ นู สกิน กับผู้เชี่ยวชาญชั้นนำระดับโลกและโรงงานผู้ผลิต ทำให้การพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ล้ำหน้าและค้นพบส่วนผสมที่เป็นนวัตกรรมอยู่เสมอ อาทิ การเป็นหนึ่งในรายแรกๆที่นำเอามอยซ์เจอร์ไรเซอร์ประสิทธิภาพสูง คือ ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) และ โซเดียมพีซีเอ (NaPCA) มาใช้ ด้วยคุณสมบัติในการดึงดูดความชื้นจากอากาศมาเป็นความชุ่มชื้นให้กับผิว แทนการเคลือบผิวอย่างมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ ทั่วๆไป และอีกหนึ่งก้าวที่ล้ำหน้าของเรา คือ ซีรีเจน ส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมของ นู สกิน ที่ช่วยคงระดับความชุ่มชื้นในเส้นผมในขณะที่ซ่อมแซม ผมเสียไปด้วย นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ชุดระบบปฏิบัติการต่อต้านริ้วรอย นู สกิน 180 ที่ปฏิวัติวิทยาการลดเลือนริ้วรอย และให้ผลการใช้ที่สามารถสังเกต เห็นความแตกต่างได้ภายใน 7 วัน

คัดสรรจากธรรมชาติ พิสูจน์แล้วทางวิทยาศาสตร์
นู สกิน เอ็นเตอร์ไพรส์ มุ่งมั่นที่จะมีบทบาทในการดูแลและเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับผู้บริโภค ด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ตอบสนองทั้งการดูแลสุขภาพโดยรวมและความต้องการ เฉพาะ โดยคัดสรรแต่ส่วนผสมคุณภาพ บนพื้นฐานของความรับผิดชอบและจรรยาบรรณที่เข้มงวด ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เป็น ผลจากการวิจัยทางคลินิกและความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้เท่านั้น

สู่ความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้
ใน ปี 2547 นู สกิน เอ็นเตอร์ไพรส์ ทำยอดขายได้ท่วมท้นถึง 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตและความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้ หลังการเปิดดำเนินการมาเพียง 20 ปี ในปัจจุบัน นู สกิน มีผู้แทนจำหน่ายที่แข็งขันในการทำงานกว่า 808,000 คน ใน 47 ประเทศทั่วโลก

ขยายอาณาจักรครอบคลุมทั่วโลก
นู สกิน ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจไปทั่วโลกด้วยอัตราการเติบโตที่เป็นประวัติการณ์ จากครั้งเปิดดำเนินการครั้งแรกในปี 2527 ที่เมืองโพรโว รัฐยูท่าห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ต่อมาในปี 2533 ได้เริ่มบุกสู่สนามการค้าสากล โดยเริ่มจากประเทศแคนาดา ปีถัดมาได้เปิดดำเนินงานในฮ่องกง และ ไต้หวัน, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, และญี่ปุ่น ตามลำดับตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 นู สกิน ขยายการดำเนินงานครอบคลุมตลาดในยุโรป ถึงวันนี้ นู สกิน มีสำนักงานใน 33 ประเทศ และเดินหน้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง เอื้อโอกาสให้ผู้แทนจำหน่ายขยายองค์กรสู่สากลประเทศที่ผู้มุ่งหวังมากกว่า 1,100 ล้านคนรอโอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้อยู่

ความมั่นคงด้านการเงิน
นู สกิน รักษาความมั่นคงด้านการเงินมาโดยตลอด และตั้งแต่ปี 2540 นู สกิน เอ็นเตอร์ไพรส์ ได้เข้าสู่ตลาดค้าหลักทรัพย์ของนิวยอร์ค (NYSE) ภายใต้สัญลักษณ์ "NUS"

ยึดถือในความสัตย์ซื่อ
ด้วย วิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและนโยบายที่ก้าวหน้า ผู้นำของ นู สกิน ยังเชื่อในการทำงานเป็นทีม และแน่วแน่ที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องมากกว่าการมุ่งเอาแต่กำไร เราไม่ลดละที่จะสนองตอบความต้องการที่เปลี่ยนไปของลูกค้า ยืนหยัดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ กำลังของผู้แทนจำหน่ายอิสระยังเป็นแรงผลักดันที่สำคัญที่ทำให้ นู สกิน เติบใหญ่ในวงการธุรกิจขายตรง
ในปี 2534 นู สกิน ได้รับการตอบรับเป็นสมาชิกของสมาคมขายตรงของประเทศสหรัฐอเมริกา (USDSA) และในเกือบทุกประเทศที่ นู สกิน เข้าไปเปิดดำเนินการ รวมทั้ง นู สกิน ประเทศไทย สมาคมขายตรงเป็นตัวแทนของบริษัทขายตรงทั่วโลก
สมาคมขายตรงเป็น ตัวแทนของบริษัทขายตรงทั่วโลก ทำหน้าที่เผยแพร่จรรยาบรรณของธุรกิจขายตรงและความรู้เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ทั่วโลก บริษัทใดก็ตามที่ได้ เข้าสมาคมขายตรงจะต้องผ่านการประเมินที่เข้มงวด ทั้งในด้านจริยธรรมและความมั่นคง ในฐานะผู้นำของการตลาดเครือข่ายและผู้สนับสนุนการคุ้มครองผู้บริโภค ผู้บริหารของ นู สกิน ได้เข้ามามีบทบาทในการดำเนินงานและบริหารสมาคมขายตรงในหลายๆประเทศ

การสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง
หลาย ปีที่ผ่านมา นู สกิน ลงทุนด้านสิ่งอำนวยความสะดวกและระบบต่างๆ เพื่อสนับสนุนและบริการผู้แทนจำหน่าย เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาการบริการเพื่ออำนวยความสะดวก ในการสร้างธุรกิจของผู้แทนจำหน่ายทั่วโลก
การสื่อสาร
ระบบคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยและมีศักยภาพสูง มูลค่ากว่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐ เชื่อมโยงการติดต่อสื่อสารของสำนักงาน นู สกิน ทั่วโลกเข้าด้วยกัน รวมถึงให้การสนับสนุนด้าน ข้อมูลและบริการอื่นๆกับผู้แทนจำหน่ายทุกมุมโลกได้ในเวลาเดียวกัน ระบบข้อมูลที่ทำงานทั้งวันทั้งคืนทำให้ผู้แทนจำหน่ายได้รับผลตอบแทนจากยอด ขายพร้อมกับรายงานการขายของ สายงานในองค์กรจากทุกประเทศอย่างรวดเร็ว

เวบไซท์
ให้ บริการตลอด 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วันต่อสัปดาห์ เพียงแวะเข้าไปใน www.nuskin.com เพื่อรับทราบข้อมูลที่ทันสมัยเกี่ยวกับองค์กร นู สกิน, ข้อมูลผลิตภัณฑ์, โอกาสทางธุรกิจ, และความเคลื่อนไหวของ นู สกิน ในประเทศต่างๆ และท่านยังสามารถเข้าสู่เวบไซท์ของ นู สกิน ประเทศออสเตรเลียได้โดยตรง ที่ http://www.nuskin.com.au

ระบบคลังสินค้าและการขนส่ง
นู สกิน ลงทุนกับระบบคลังสินค้าและการจัดส่งที่ทันสมัยสำหรับสำนักงานใหญ่และสำนัก งาน นู สกิน ในประเทศต่างๆ เพื่อให้สามารถรองรับการสั่งซื้อจำนวนมหาศาลในแต่ละวัน คลังจัดเก็บและกระจายสินคัาขนาด 200,000 ตารางฟุต ในเมืองโพรโว รัฐยูท่าห์ สหรัฐอเมริกา สามารถจัดส่งสินค้าได้มากกว่า 50,000 ใบสั่งซื้อต่อวัน

บริการด้วยความใส่ใจ
นอก เหนือจากระบบที่ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี พนักงานที่ผ่านการฝึกอบรมด้านการบริการกว่า 3,000 คน กำลังทุ่มเทให้กับการทำงานและพร้อมที่จะบริการผู้แทนจำหน่ายด้วยความเป็นกัน เอง

โอกาสทางธุรกิจ ความ สำเร็จของ นู สกิน ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์แบบบุคคลต่อบุคคล ความสำเร็จของผู้แทนจำหน่ายเกิดจากการสนับสนุนให้ผู้อื่นประสบความสำเร็จ ด้วยโอกาสที่จะทำให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่คุณภาพไม่เป็นรองใคร และรับรายได้ที่คุ้มค่าจากการแบ่งปันสิ่งเหล่านี้ให้กับผู้อื่นต่อๆไป ทั้งยังเป็นการสร้างองค์กรธุรกิจของตัวเองเพื่อเป็นหนทางสู่ความฝันของตัว เอง
นู สกิน ยึดมั่นในการสนับสนุนธุรกิจของท่านด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย, ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง ฐานการเงินที่แข็งแกร่ง และแผนปันผลตอบแทนที่ไร้พรมแดน ผู้บริหารของ นู สกิน ซึ่งมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนจะนำคุณสู่ธุรกิจข้ามชาติที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณให้ ดีกว่าเดิม
มาร่วมแบ่งปันวิสัยทัศน์นี้ และค้นพบโลกแห่งโอกาสที่เปิดต้อนรับคุณอยู่ ธุรกิจขายตรงกำเนิดขึ้นเป็นอีกหนึ่งช่องทางเลือก นอกเหนือจากรูปแบบการค้าปลีกที่ใช้กันอยู่ ดังที่หนังสือติดอันดับขายดีในประเทศสหรัฐอเมริกา ชื่อ "Dominating Trend of the Year 2000' ได้คาดการณ์ไว้ว่าในศตวรรษที่ 21 ธุรกิจขายตรงจะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในโลกการค้า

ธุรกิจขายตรง
การ ขายตรงเป็นธุรกิจที่มีพลังขับเคลื่อนตลอดเวลา และเกี่ยวข้องกับคนมากกว่า 35 ล้านคน ใน 49 ประเทศ สร้างยอดขายต่อปีทั่วโลกประมาณ 85,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เฉพาะในภูมิภาคเอเชีย มียอดขายกว่า 32,760 ล้านเหรียญ ด้วยจำนวนผู้แทนจำหน่ายกว่า 14 ล้านคน

อิทธิพลของขายตรงกับแนวโน้มใหม่ของสังคม
ธุรกิจ ขายตรงก่อให้เกิดแนวโน้มทางสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปจากเดิม ผู้ที่หลั่งไหลเข้ามาในธุรกิจนี้จาก ทั่วโลกเลือกที่จะนั่งทำงานที่บ้าน มองหาความมั่นคงด้านการเงิน วางแผนที่จะเกษียณก่อนวัย และหาหนทางที่จะทำให้มีเวลาอยู่กับครอบครัวและเพื่อนๆมากขึ้น
ไม่ ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไปที่จะหางานประจำที่มั่นคงในยุคที่เศรษฐกิจตกต่ำ และบริษัททั้งหลายก็มีแต่จะลดขนาดองค์กรลง สำหรับคนที่มีงานทำอยู่แล้ว แนวโน้มที่บริษัทจะลดผลประโยชน์และค่าจ้างลงเพื่อตัดรายจ่าย
จากการสำรวจจำนวนผู้แทนจำหน่ายของธุรกิจขายตรงทั่วโลก ซึ่งดำเนินการโดยสมาคมขายตรง (Direct Selling Association) พบว่าเหตุผลส่วนใหญ่ของการเข้ามาทำธุรกิจขายตรงก็เพื่อหารายได้พิเศษ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง และซื้อผลิตภัณฑ์ในราคาสมาชิก อุตสาหกรรมขายตรงกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการบอกต่อและการแนะนำจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่ง ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิผลสูงในการนำเสนอผลิตภัณฑ์
ในบรรดาผลิตภัณฑ์ และบริการที่หาได้จากบริษัทขายตรงต่างๆ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับความสวยความงามและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็นกลุ่มที่ได้ รับความนิยมสูงสุด จากการนำเสนอของผู้แทนจำหน่ายกว่าครึ่งของจำนวน ผู้แทนจำหน่ายทั้งหมดในธุรกิจนี้ ปัจจัยอื่นๆที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจสมัครเป็นผู้แทนจำหน่าย คือ ความต้องการความยืดหยุ่นในการทำงานที่มากขึ้น และอยากมีเวลาที่บ้านมากขึ้น ประมาณ 86 เปอร์เซนต์ของผู้แทนจำหน่าย ทำเป็นงานเสริม ส่วนอีก 14 เปอร์เซ็นต์ ยึดธุรกิจขายตรงเป็นงานประจำและทำเต็มเวลา

อ่านข้อความต่อไปตามลำดับใน Archive ด้านขวามือด้วยนะคะ

No comments: